วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

link blog


เลขที่ 1 :
เลขที่ 2 : http://www.bedrockman.blogspot.com/
เลขที่ 3 : http://potatopotat.blogspot.com/
เลขที่ 4 : http://pattapattap.blogspot.com/
เลขที่ 5 : http://satitm4.blogspot.com/
...
เลขที่ 6 : http://patsasimildddd.blogspot.com/
เลขที่ 7 : http://seungchabe.blogspot.com/
เลขที่ 8 : http://thanawadee4108.blogspot.com/
เลขที่ 9 : http://profilepround.blogspot.com/
เลขที่ 10: http://pimchanajenny.blogspot.com/
เลขที่ 11: ลาออก
เลขที่ 12: http://chanawee.webs.com/
เลขที่ 13: http://cuolionet12.blogspot.com/
เลขที่ 14: http://52654258.blogspot.com/
เลขที่ 15: http://nooknaruemonn.blogspot.com/2012/09/about-me.html
เลขที่ 16 : http://nook62224.blogspot.com/
เลขที่ 17 : http://phanarai4117love.blogspot.com/2012/09/permalink-to-dakota-rose.html
เลขที่ 18 : http://passornsss.blogspot.com/
เลขที่ 19 : http://wakefresh.blogspot.com/
เลขที่ 20 :http://jidapaswork.blogspot.com/
เลขที่ 21 :http://ppondnuttawat.webs.com/
เลขที่ 22 : http://patsornpatsorn22.blogspot.com/
เลขที 23 : http://veryfunprofile.blogspot.com/
เลขที่ 24 : http://jukkaphanz.blogspot.com/
เลขที 25 : http://web4125.blogspot.com/2012/09/17-55.html
เลขที่ 26 :http://jutamart4126.blogspot.com/
เลขที่ 27 : http://gambonjour4127.blogspot.com/
เลขที่ 28 :
เลขที่ 29 : http://doraeamon.blogspot.com/
เลขที่ 30 : http://pantanutps.blogspot.com/
เลขที่ 31 : http://goodstoryu.blogspot.com/
เลขที่ 32 :http://gramgram1.blogspot.com/
เลขที่ 33 : http://metussss.webs.com/
เลขที่ 34 : http://sarut.webs.com/
เลขที่ 35 :
เลขที่ 36 :
เลขที่ 37 :http://ausmasealx.blogspot.com/

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555



มหัศจรรย์แห่งชีวิต… หลักคิด 20 ข้อ
 จากท่าน ว.วชิรเมธี


๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ


๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี ?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง


๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข


๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน ?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน


๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา ?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง


๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา


๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้


๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ


๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร ?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา


๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี ?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่


๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย ?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย


๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ

คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า


๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน


๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ


๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง


๑๖. สวดมนต์บทไหนดี ?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้ คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง


๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด


๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก ?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน


๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน


๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบ



http://happyhappiness.monkiezgrove.com/2009/10/25


เปิดเสรีอาเซียน ภาษาอังกฤษสำคัญจริงหรือ?
พิมพ์


ท่ามกลางกระแสการตื่นตัวของการเปิดเสรีอาเซียน หลายๆ ฝ่ายกำลังเร่งพัฒนาตัวเองด้านภาษาอังกฤษ เพื่อให้ทันต่อความต้องการของโลกกว้างที่จะโอบรัดประเทศเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีกไม่ถึง 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับหลายๆ ครอบครัวที่เล็งเห็นความสำคัญ และพยายามสรรหาโรงเรียน หรือสถาบันสอนภาษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกตั้งแต่เล็กๆ เนื่องจากมีความเชื่อว่า หากใครรู้ภาษาย่อมมีภาษีที่ดีกว่า โดยเฉพาะโอกาส และความก้าวหน้าในอาชีพการงาน

ASEAN

          แต่ในอีกด้านของการเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน นักวิชาการด้านการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน มองว่า ไม่ใช่แค่เรื่องภาษาอย่างเดียวที่ควรให้ความสำคัญกับเด็ก ยังมีทักษะชีวิตด้านอื่นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ และ ผู้ใหญ่ในสังคมควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ด้วย โดยเฉพาะทักษะในการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างเชิงวัฒนธรรม
          บอกเล่าได้จาก ดร.วรนาถ รักสกุลไทย ผู้อำนวยการแผนกอนุบาล โรงเรียนเกษมพิทยา ในฐานะนักการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัย ให้ทัศนะว่า ผู้ใหญ่หลายๆ คนกำลังหลงทางเรื่องอาเซียน อย่างแรกเลย ก็คือ ภาษาอังกฤษที่ครู และพ่อแม่ต่างมุ่งเน้น และส่งลูกไปเรียนเพื่อหวังจะให้สื่อสารได้ แต่สำหรับเด็กเล็ก หรือเด็กอนุบาล ทักษะเริ่มต้นในการเตรียมรับอาเซียน คือ ความเป็นมิตรภาพ รู้จักยอมรับ และเคารพในความหลากหลาย นอกจากนั้น เด็กควรได้ฝึกคิดและวิเคราะห์แทนการท่องจำ เช่น ถ้าอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกเขาควรจะทำอย่างไรให้หนีและรอดชีวิตออกมาได้
          “ทุกวันนี้หลายๆ ครอบครัวมุ่งเน้นภาษาอังกฤษมาก จนลืมทักษะชีวิตด้านอื่นๆ ไป เช่น ความเคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน เข้าใจในศักดิ์ศรีความมีคุณค่า และการเปิดใจยอมรับความแตกต่าง ซึ่งทักษะเหล่านี้ เป็นทักษะสำคัญในการเตรียมเด็กไทยสู่การเป็นพลเมืองอาเซียนที่ดีและมีคุณภาพ หากเด็กไม่ได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่เด็ก อาจทำให้เกิดปัญหาต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอาเซียนได้” นักการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัยท่านนี้ เผย
          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลายๆ โรงเรียนให้ความสำคัญกับการเปิดเสรีอาเซียนที่กำลังมาถึง ด้วยการเปิดห้องเรียนอาเซียน หรือเปิดหลักสูตรอาเซียนศึกษาเพื่อเป็นหลักสูตรสอนเสริมให้แก่เด็ก แต่ภาพการตื่นตัวที่เกิดขึ้น ดร.วรนาถ ยังมองว่า เป็นการเตรียมเด็กสู่อาเซียนแบบหลงทาง
          “บางโรงเรียนให้เด็กท่องจำธงประเทศต่างๆ หรือซื้อตุ๊กตาสวมชุดประจำชาติของแต่ละประเทศมาให้เด็กเล่น ซึ่งเป็นการสอนที่ไกลตัวเกินไป แต่แนวการสอนที่ควรจะเป็น คือ การสอนให้เด็กมีทัศนคติที่ดีบนความแตกต่างเสียก่อน เช่น สอนให้เด็กรู้ว่า คนทุกคนมีความแตกต่าง และเราก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น หรือถ้ามีความคิดไม่ตรงกัน แทนที่จะโกรธ เกลียด และใช้ความรุนแรงเข้าใส่กัน เราสามารถพูดคุย และช่วยกันหาทางออกได้ ซึ่งการสอนในลักษณะนี้ จะทำให้เด็กรู้จักเคารพในความแตกต่าง ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่” นักการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัยให้แนวทาง
          ด้าน ผศ.ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้แห่งเอเชีย และผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียนศึกษา ให้ความเห็นในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่จำเป็นต่อเด็ก และคุณพ่อคุณแม่ในอนาคต โดยเฉพาะการมาถึงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการปลูกฝังให้ลูกมีจิตใจที่เปิดกว้าง และยอมรับความแตกต่างอย่างหลากหลายด้วย เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นพลเมืองอาเซียนที่มีความเจริญทางอารยะหรือมีความดีงามในจิตใจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ และยั่งยืนในทุกด้าน
          “เราต้องสร้างเด็กให้มีความเจริญทางอารยะ นี่คือ สิ่งที่แม่อย่างดิฉันอยากเห็น สัมผัสได้จากประเทศลาว เขาไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย แต่ใครที่ได้ไป เชื่อว่าคุณจะรู้สึกได้ว่า ประเทศนี้คือประเทศที่เจริญแล้วอย่างแท้จริง โดยเฉพาะความเจริญที่ใจของคน ดังนั้น การมองอาเซียน อยากให้มองที่การร่วมมือ และเติบโตไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่มอง หรือเน้นไปที่การแข่งขันว่า ประเทศของฉันจะต้องโดดเด่นเพียงประเทศเดียว” ผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียนศึกษาสะกิดใจผู้ใหญ่ในสังคม
          ปิดท้ายกันที่ สุภาวดี หาญเมธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด ให้มุมมองว่า การที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากเรื่องการศึกษา และทักษะทางภาษาที่จะต้องเตรียมให้เด็กแล้ว อีกเรื่องที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม คือ ความฉลาดทางวัฒนธรรม และการมีทัศนคติทางบวกต่อความแตกต่างอย่างหลากหลาย ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่เด็กยุคใหม่ควรมี เพื่อพาตัวเอง และประเทศชาติก้าวไปสู่ความสำเร็จในวันข้างหน้าอย่างสง่างาม
          “ถ้าจะเลี้ยงลูกให้สามารถอยู่ได้ในประชาคมอาเซียน ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่แค่ยิ้มสยาม ไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษเก่ง และไม่ใช่แค่ใช้เทคโนโลยีเป็น แต่เรื่องใหญ่กว่านั้นคือ ความฉลาดทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญ ในการรู้จักปรับตัวท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงบนความแตกต่าง แต่ทุกวันนี้ ทันทีที่เรานึกถึงพม่า เราจะถึงนึกโสร่งกับมีดดาบก่อนเลย หรือไม่ก็ภาพข่าวแรงงานพม่าปาดคอนายจ้าง แต่เราไม่เคยมองพม่าในมุมอื่นเลย ซึ่งเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น เพราะเราเองที่ไปย่ำยี หรือกดขี่เขามากเกินไปหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ คือเรื่องเร่งด่วนที่พ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกรู้เขารู้เรา ยอมรับ ลดอคติ ไม่เอาตัวเองตัดสิน และเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น” คุณสุภาวดี ฝาก
          ถึงแม้ภาษาอังกฤษจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครรู้ภาษาย่อมมีภาษีดีกว่า แต่หลายๆ ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการมาถึงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่มาพร้อมกับความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม และสังคม รวมไปถึงการทำงานในบริบทวัฒนธรรมที่ต่างกันไป หากเด็กไทยถูกปลูกฝังให้มีทัศนคติทางบวก และมีความละเอียดอ่อนแม่นยำในการรับรู้วิถีจารีตในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันแล้ว โอกาสที่จะเติบโตเป็นพลเมืองอาเซียน และก้าวสู่ความสำเร็จในวันหน้าย่อมมีได้มาก
          นับเป็นความท้าท้ายสำหรับคนเป็นพ่อแม่ในยุคนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว




http://www.manager.co.th/family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000096395





 


 



สูตร ...








นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 334

ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง

เมนูกับน้ำเต้าหู้ปรุงรสหวานเค็มกำลังดี กินได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะอุดมด้วยใยอาหารและสารพัดวิตามิน
หน้าปลาตัวจริง จัดเต็มด้วยเนื้อปลาช่อนล้วนๆ ให้ประโยชน์จากโปรตีนย่อยง่าย ได้รสชาติเต็มคำ เป็นชีวจิตร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วยังมีประโยชน์แถมรสชาติอร่อยเกินร้อยด้วย

ทำกินเองในครอบครัวก็อร่อย หรือจะทำเลี้ยงแขกเหรื่อก็ประทับใจ





ส่วนผสม
ข้าวเหนียวกล้อง 3 ถ้วย
น้ำดอกคำฝอย (ดอกคำฝอยแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ แช่ในน้ำอุ่น 1 ถ้วย) 1 ถ้วย
น้ำดอกอัญชัน (ดอกอัญชันแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ แช่ในน้ำอุ่นจัด 1 ถ้วย) 1 ถ้วย
น้ำใบเตย (ใบเตย 10 ใบ ปั่นกับน้ำอุ่นจัด 1 ถ้วย คั้นเอาแต่น้ำ) 1 ถ้วย
น้ำเต้าหู้ 2 ถ้วย
ปลาช่อนแดดเดียว 1 ตัว
หอมเล็กซอยเจียว 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายไม่ขัดขาว 2 ถ้วย ถ้วยละ 1/3,1/4 ถ้วย
เกลือเม็ด 2 ช้อนชา


วิธีทำ
1. แบ่งข้าวเหนียวกล้องเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 1 ถ้วย แบ่งแช่ในน้ำสมุนไพรทั้งสามชนิดข้ามคืน หลังจากนั้น ตักขึ้น ล้างน้ำอีก 1 ครั้งเพื่อล้างสีส่วนเกินออก เทลงบนผ้าขาวบาง ให้สะเด็ดน้ำ

2. นำข้าวเหนียวกล้องไปนึ่งในซึ้งจนสุก ตักขึ้นใส่ชามพักไว้

3. ต้มน้ำเต้าหู้จนร้อน เติมน้ำตาลทรายไม่ขัดขาว 1/3 ถ้วย และเกลือลงไป คนจนน้ำตาลทรายไม่ขัดขาวและเกลือละลาย

4. มูนข้าวเหนียวกล้องที่เตรียมไว้ด้วยน้ำเต้าหู้ปรุงรสขณะที่น้ำเต้าหู้ยังร้อนอยู่ แล้วปล่อยไว้ให้น้ำเต้าหู้ซึมเข้าเนื้อข้าวเหนียวกล้อง

5. อบหรือย่างปลาช่อนแดดเดียวจนสุก แกะเอาแต่เนื้อปลามาโขลกจนฟู

6. คลุกเคล้าเนื้อปลาช่อนที่ได้กับน้ำตาลทรายไม่ขัดขาว ¼ ถ้วย และหอมเล็กเจียว ให้เข้ากันดี จัดข้าวเหนียวกล้องที่มูนน้ำเต้าหู้ปรุงรสจนได้ที่แล้วใส่จาน ตักหน้าปลาแห้งที่ได้โรยหน้า พร้อมเสิร์ฟ

Tips
1. เวลาแช่ข้าวเหนียวกล้อง ให้ใส่สารส้มลงไปนิดหน่อย จะทำให้ได้ข้าวเหนียวกล้องนึ่งเม็ดใส น่ากิน

2. หากปลาช่อนที่อบหรือย่างไฟแล้วยังไม่กรอบ หลังจากโขลกแล้ว ให้นำมาคั่วอีกครั้ง จะได้เนื้อปลาที่กรอบและหอมขึ้นด้วย

3. สามารถใช้ปลาสลิด กุ้งแห้งแทนปลาช่อนได้ หากเป็นกุ้งแห้ง ไม่ต้องย่าง ให้โขลกกุ้งแห้งจนฟู แล้วนำมาปรุงรสได้เลย

4. หน้าปลาแห้งนี้กินกับแตงโมแบบคนโบราณก็ชื่นใจ ได้ประโยชน์เช่นกัน


http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?cateId=3

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

me

นาย ณัฏฐชัย   รวีโรจน์วิบูลย์  เรียนอยู่ชั้น ม..4 ห้อง1 เลขที่ 14